การทำ SEO ฉบับเข้าใจง่าย
ก่อนที่เราจะเริ่มต้นเรียนรู้เกี่ยวกับ SEO หรือ Search Engine Optimization กัน อยากให้ทุกคนรู้จักกับ SEM ก่อนเพราะว่า SEO เป็นส่วนหนึ่งของการทำการตลาดที่เรียกว่า SEM นั่นเองค่ะ ซึ่ง SEM ก็คือ Search Engine Marketing นั่นเอง มันเป็นหัวใจสำคัญของการตลาดออนไลน์ในยุคใหม่ที่ไม่ควรพลาดเลย เพราะ SEM เป็นกลยุทธ์ที่สำคัญในการเติบโตของธุรกิจและการทำ Google Marketing อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
สาเหตุที่บอกว่า SEM เป็นหัวใจสำคัญของการตลาดออนไลน์ในยุคใหม่ที่ธุรกิจทุกแห่งต้องไม่พลาดก็เพราะว่าพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ของคนในยุคปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปแล้วนะคะ ก่อนหน้านี้เวลาที่เราต้องการซื้อสินค้าหรือบริการอะไรก็ต้องไปซื้อที่ร้านหรือหาแหล่งผลิตเอง ต้องโทรถามที่นั่นที่นี่หรือใช้วิธีสอบถามคนรู้จักเอา ทำให้การตลาดในสมัยก่อนเน้นไปที่ช่องทางการตลาดทาง Mass Media เช่น ทีวี วิทยุ ป้ายโฆษณา สื่อสิ่งพิมพ์ กล่าวคือเน้นให้คนเห็นเยอะ ๆ อีกทั้งยังมีการตลาดแบบธรรมชาติหรือปากต่อปากด้วย
แต่ในปัจจุบันเวลาที่เราต้องการหาสินค้าหรือบริการอะไรบางอย่าง ขวัญเชื่อว่าเกือบ 100% ของเราจะใช้วิธีการค้นหาผ่าน Google เป็นหลัก ดังนั้นแพลตฟอร์ม Google ก็กลายมาเป็นช่องทางการตลาดที่สำคัญที่สุดที่ธุรกิจส่วนใหญ่เน้นทำการตลาดหรือที่เรียกว่า Google Marketing หรือ Search Engine Marketing (SEM) นั่นเองค่ะ ส่วน SEO ก็คือเทคนิคหรือกลยุทธ์อย่างหนึ่งในการทำการตลาดแบบ Search Engine Marketing (SEM) อีกอย่างนึง
เพื่อให้ธุรกิจของเราเติบโตและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น การเรียนรู้เกี่ยวกับ SEM และ SEO จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามค่ะ มาเริ่มต้นเรียนรู้เกี่ยวกับ SEM กัน
ก่อนที่เราจะเริ่มต้นเรียนรู้เกี่ยวกับ SEO หรือ Search Engine Optimization กัน อยากให้ทุกคนรู้จักกับ SEM ก่อนเพราะว่า SEO เป็นส่วนหนึ่งของการทำการตลาดที่เรียกว่า SEM นั่นเองค่ะ ซึ่ง SEM ก็คือ Search Engine Marketing นั่นเอง มันเป็นหัวใจสำคัญของการตลาดออนไลน์ในยุคใหม่ที่ไม่ควรพลาดเลย เพราะ SEM เป็นกลยุทธ์ที่สำคัญในการเติบโตของธุรกิจและการทำ Google Marketing อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
สาเหตุที่ขวัญบอกว่า SEM เป็นหัวใจสำคัญของการตลาดออนไลน์ในยุคใหม่ที่ธุรกิจทุกแห่งต้องไม่พลาดก็เพราะว่าพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ของคนในยุคปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปแล้วนะคะ ก่อนหน้านี้เวลาที่เราต้องการซื้อสินค้าหรือบริการอะไรก็ต้องไปซื้อที่ร้านหรือหาแหล่งผลิตเอง ต้องโทรถามที่นั่นที่นี่หรือใช้วิธีสอบถามคนรู้จักเอา ทำให้การตลาดในสมัยก่อนเน้นไปที่ช่องทางการตลาดทาง Mass Media เช่น ทีวี วิทยุ ป้ายโฆษณา สื่อสิ่งพิมพ์ กล่าวคือเน้นให้คนเห็นเยอะ ๆ อีกทั้งยังมีการตลาดแบบธรรมชาติหรือปากต่อปากด้วยค่ะ
แต่ในปัจจุบันเวลาที่เราต้องการหาสินค้าหรือบริการอะไรบางอย่าง ขวัญเชื่อว่าเกือบ 100% ของเราจะใช้วิธีการค้นหาผ่าน Google เป็นหลัก ดังนั้นแพลตฟอร์ม Google ก็กลายมาเป็นช่องทางการตลาดที่สำคัญที่สุดที่ธุรกิจส่วนใหญ่เน้นทำการตลาดหรือที่เรียกว่า Google Marketing หรือ Search Engine Marketing (SEM) นั่นเองค่ะ ส่วน SEO ก็คือเทคนิคหรือกลยุทธ์อย่างหนึ่งในการทำการตลาดแบบ Search Engine Marketing (SEM) อีกอย่างนึงค่ะ
เพื่อให้ธุรกิจของเราเติบโตและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น การเรียนรู้เกี่ยวกับ SEM และ SEO จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามค่ะ มาเริ่มต้นเรียนรู้เกี่ยวกับ SEM กัน
การมีคำว่า Ads หรือไม่มีคำว่า Ads นำหน้าในผลการค้นหาหมายถึงบริษัทที่ซื้อโฆษณากับ Google หรือไม่ซื้อโฆษณากับ Google ตามลำดับ บริษัทที่ไม่ซื้อโฆษณากับ Google จะไม่ต้องจ่ายค่าโฆษณาใดๆ แต่จะต้องปรับแต่งเว็บไซต์และใช้เทคนิค SEO ให้ดี เพื่อให้ Google ให้คะแนนเว็บไซต์ธุรกิจของบริษัทเหล่านั้นสูง จนถึงจุดที่เว็บไซต์ธุรกิจของเขาติดอันดับหน้าแรกของ Google ได้อย่างธรรมชาติหรือ organic
การตลาด SEM ทำได้สองแบบ คือ
1. รับทำ Google Ads คือการจ่ายค่าโฆษณาให้กับ Google เพื่อให้โฆษณาของเราปรากฏบนหน้า Google ผู้คลิกโฆษณามายังเว็บไซต์ธุรกิจของเราจะต้องจ่ายค่าโฆษณาตามจำนวนคลิก
2. SEO หรือ Search Engine Optimization คือการปรับแต่งเว็บไซต์ให้เป็นไปตามหลักการให้คะแนนของ Google เพื่อให้เว็บไซต์ธุรกิจได้คะแนนสูงและปรากฏอยู่ในอันดับดีในผลการค้นหาของ Google โดยไม่ต้องจ่ายค่าโฆษณา ผู้เข้าชมเว็บไซต์ของเราไม่ได้เกิดจากโฆษณา Google Ads แต่เป็นผลมาจากการค้นหาธรรมชาติ ดังนั้นเราจะไม่ต้องจ่ายเงินเมื่อมีผู้คลิกเข้ามาในเว็บไซต์ของเรา สิ่งที่เราต้องการคือการเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ของเราโดยตรงโดยไม่ผ่าน Google Ads
ก่อนที่เราจะเริ่มต้นเรียนรู้เกี่ยวกับ SEO หรือ Search Engine Optimization กัน อยากให้ทุกคนรู้จักกับ SEM ก่อนเพราะว่า SEO เป็นส่วนหนึ่งของการทำการตลาดที่เรียกว่า SEM นั่นเองค่ะ ซึ่ง SEM ก็คือ Search Engine Marketing นั่นเอง มันเป็นหัวใจสำคัญของการตลาดออนไลน์ในยุคใหม่ที่ไม่ควรพลาดเลย เพราะ SEM เป็นกลยุทธ์ที่สำคัญในการเติบโตของธุรกิจและการทำ Google Marketing อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
สาเหตุที่บอกว่า SEM เป็นหัวใจสำคัญของการตลาดออนไลน์ในยุคใหม่ที่ธุรกิจทุกแห่งต้องไม่พลาดก็เพราะว่าพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ของคนในยุคปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปแล้วนะคะ ก่อนหน้านี้เวลาที่เราต้องการซื้อสินค้าหรือบริการอะไรก็ต้องไปซื้อที่ร้านหรือหาแหล่งผลิตเอง ต้องโทรถามที่นั่นที่นี่หรือใช้วิธีสอบถามคนรู้จักเอา ทำให้การตลาดในสมัยก่อนเน้นไปที่ช่องทางการตลาดทาง Mass Media เช่น ทีวี วิทยุ ป้ายโฆษณา สื่อสิ่งพิมพ์ กล่าวคือเน้นให้คนเห็นเยอะ ๆ อีกทั้งยังมีการตลาดแบบธรรมชาติหรือปากต่อปากด้วย
แต่ในปัจจุบันเวลาที่เราต้องการหาสินค้าหรือบริการอะไรบางอย่าง ขวัญเชื่อว่าเกือบ 100% ของเราจะใช้วิธีการค้นหาผ่าน Google เป็นหลัก ดังนั้นแพลตฟอร์ม Google ก็กลายมาเป็นช่องทางการตลาดที่สำคัญที่สุดที่ธุรกิจส่วนใหญ่เน้นทำการตลาดหรือที่เรียกว่า Google Marketing หรือ Search Engine Marketing (SEM) นั่นเองค่ะ ส่วน SEO ก็คือเทคนิคหรือกลยุทธ์อย่างหนึ่งในการทำการตลาดแบบ Search Engine Marketing (SEM) อีกอย่างนึง
เพื่อให้ธุรกิจของเราเติบโตและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น การเรียนรู้เกี่ยวกับ SEM และ SEO จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามค่ะ มาเริ่มต้นเรียนรู้เกี่ยวกับ SEM กัน
การมีคำว่า Ads หรือไม่มีคำว่า Ads นำหน้าในผลการค้นหาหมายถึงบริษัทที่ซื้อโฆษณากับ Google หรือไม่ซื้อโฆษณากับ Google ตามลำดับ บริษัทที่ไม่ซื้อโฆษณากับ Google จะไม่ต้องจ่ายค่าโฆษณาใดๆ แต่จะต้องปรับแต่งเว็บไซต์และใช้เทคนิค SEO ให้ดี เพื่อให้ Google ให้คะแนนเว็บไซต์ธุรกิจของบริษัทเหล่านั้นสูง จนถึงจุดที่เว็บไซต์ธุรกิจของเขาติดอันดับหน้าแรกของ Google ได้อย่างธรรมชาติหรือ organic
การตลาด SEM ทำได้สองแบบ คือ
1. Google Ads คือการจ่ายค่าโฆษณาให้กับ Google เพื่อให้โฆษณาของเราปรากฏบนหน้า Google ผู้คลิกโฆษณามายังเว็บไซต์ธุรกิจของเราจะต้องจ่ายค่าโฆษณาตามจำนวนคลิก2. SEO หรือ Search Engine Optimization คือการปรับแต่งเว็บไซต์ให้เป็นไปตามหลักการให้คะแนนของ Google เพื่อให้เว็บไซต์ธุรกิจได้คะแนนสูงและปรากฏอยู่ในอันดับดีในผลการค้นหาของ Google โดยไม่ต้องจ่ายค่าโฆษณา ผู้เข้าชมเว็บไซต์ของเราไม่ได้เกิดจากโฆษณา Google Ads แต่เป็นผลมาจากการค้นหาธรรมชาติ ดังนั้นเราจะไม่ต้องจ่ายเงินเมื่อมีผู้คลิกเข้ามาในเว็บไซต์ของเรา สิ่งที่เราต้องการคือการเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ของเราโดยตรงโดยไม่ผ่าน Google Ads
Search Engine Optimization (SEO) มีประโยชน์มากมายและสามารถเขียนใหม่ในรูปแบบที่สร้างสรรค์และฉลาดได้ดังนี้:
ข้อดีข้อที่ 1: สร้าง Traffic = สร้างการรับรู้
Traffic หมายถึงจำนวนคนที่คลิกลิงค์เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ธุรกิจของเรา โดยการทำ SEO ที่ดีจะช่วยสร้าง Traffic ให้เว็บไซต์ของเรามีผู้เข้าชมจำนวนมากในแต่ละเดือน ซึ่งจะเป็นการสร้างการรับรู้แบรนด์ของเราในวงกว้าง ในแต่ละเดือน จะมีผู้รู้จักแบรนด์หรือบริษัทของเราเพิ่มขึ้น โดยเว็บไซต์ของเราจะได้รับคะแนนความน่าเชื่อถือจาก Google ซึ่งจะส่งผลให้เว็บไซต์ของเราได้รับการจัดอันดับในผลการค้นหาในคำค้นที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของเรา ทำให้เว็บไซต์ของเราได้รับการจัดอันดับที่ดีขึ้น และสามารถไต่อันดับ Google Ranking ได้ขึ้นหน้าแรกหรือติดอันดับ 5 อันดับแรกของ Google ซึ่งเป็นผลลัพธ์ที่ดีอย่างมาก
ข้อดีข้อที่ 2: เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่แท้จริง = สร้างฐานลูกค้า
การทำการตลาดด้วยกลยุทธ์ SEO จะช่วยให้เราสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่แท้จริงของธุรกิจเราได้โดยตรง ซึ่งจะต่างจากการตลาดด้วยกลยุทธ์ Facebook ที่เราต้องเลือกกลุ่มเป้าหมายตามข้อมูลประชากร ความสนใจ หรือพฤติกรรม และอาจมีการกรองคนที่ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายออกไป อุปสรรคในการปิดการขายก็คือ คนที่มีความสนใจหรือมีพฤติกรรมที่ “น่าจะ” เป็นลูกค้าของเราตามที่ Facebook เก็บข้อมูลและนำส่งโฆษณาของเราไปให้ แต่อาจจะยังไม่ใช่คนที่พร้อมหรืออยากจะซื้อสินค้าของเราในตอนนี้
ก่อนที่เราจะเริ่มต้นเรียนรู้เกี่ยวกับ SEO หรือ Search Engine Optimization กัน อยากให้ทุกคนรู้จักกับ SEM ก่อนเพราะว่า SEO เป็นส่วนหนึ่งของการทำการตลาดที่เรียกว่า SEM นั่นเองค่ะ ซึ่ง SEM ก็คือ Search Engine Marketing นั่นเอง มันเป็นหัวใจสำคัญของการตลาดออนไลน์ในยุคใหม่ที่ไม่ควรพลาดเลย เพราะ SEM เป็นกลยุทธ์ที่สำคัญในการเติบโตของธุรกิจและการทำ Google Marketing อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
สาเหตุที่ขวัญบอกว่า SEM เป็นหัวใจสำคัญของการตลาดออนไลน์ในยุคใหม่ที่ธุรกิจทุกแห่งต้องไม่พลาดก็เพราะว่าพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ของคนในยุคปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปแล้วนะคะ ก่อนหน้านี้เวลาที่เราต้องการซื้อสินค้าหรือบริการอะไรก็ต้องไปซื้อที่ร้านหรือหาแหล่งผลิตเอง ต้องโทรถามที่นั่นที่นี่หรือใช้วิธีสอบถามคนรู้จักเอา ทำให้การตลาดในสมัยก่อนเน้นไปที่ช่องทางการตลาดทาง Mass Media เช่น ทีวี วิทยุ ป้ายโฆษณา สื่อสิ่งพิมพ์ กล่าวคือเน้นให้คนเห็นเยอะ ๆ อีกทั้งยังมีการตลาดแบบธรรมชาติหรือปากต่อปากด้วยค่ะ
แต่ในปัจจุบันเวลาที่เราต้องการหาสินค้าหรือบริการอะไรบางอย่าง ขวัญเชื่อว่าเกือบ 100% ของเราจะใช้วิธีการค้นหาผ่าน Google เป็นหลัก ดังนั้นแพลตฟอร์ม Google ก็กลายมาเป็นช่องทางการตลาดที่สำคัญที่สุดที่ธุรกิจส่วนใหญ่เน้นทำการตลาดหรือที่เรียกว่า Google Marketing หรือ Search Engine Marketing (SEM) นั่นเองค่ะ ส่วน SEO ก็คือเทคนิคหรือกลยุทธ์อย่างหนึ่งในการทำการตลาดแบบ Search Engine Marketing (SEM) อีกอย่างนึงค่ะ
เพื่อให้ธุรกิจของเราเติบโตและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น การเรียนรู้เกี่ยวกับ SEM และ SEO จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามค่ะ มาเริ่มต้นเรียนรู้เกี่ยวกับ SEM กัน
การมีคำว่า Ads หรือไม่มีคำว่า Ads นำหน้าในผลการค้นหาหมายถึงบริษัทที่ซื้อโฆษณากับ Google หรือไม่ซื้อโฆษณากับ Google ตามลำดับ บริษัทที่ไม่ซื้อโฆษณากับ Google จะไม่ต้องจ่ายค่าโฆษณาใดๆ แต่จะต้องปรับแต่งเว็บไซต์และใช้เทคนิค SEO ให้ดี เพื่อให้ Google ให้คะแนนเว็บไซต์ธุรกิจของบริษัทเหล่านั้นสูง จนถึงจุดที่เว็บไซต์ธุรกิจของเขาติดอันดับหน้าแรกของ Google ได้อย่างธรรมชาติหรือ organic
การตลาด SEM ทำได้สองแบบ คือ
1. Google Ads คือการจ่ายค่าโฆษณาให้กับ Google เพื่อให้โฆษณาของเราปรากฏบนหน้า Google ผู้คลิกโฆษณามายังเว็บไซต์ธุรกิจของเราจะต้องจ่ายค่าโฆษณาตามจำนวนคลิก
2. SEO หรือ Search Engine Optimization คือการปรับแต่งเว็บไซต์ให้เป็นไปตามหลักการให้คะแนนของ Google เพื่อให้เว็บไซต์ธุรกิจได้คะแนนสูงและปรากฏอยู่ในอันดับดีในผลการค้นหาของ Google โดยไม่ต้องจ่ายค่าโฆษณา ผู้เข้าชมเว็บไซต์ของเราไม่ได้เกิดจากโฆษณา Google Ads แต่เป็นผลมาจากการค้นหาธรรมชาติ ดังนั้นเราจะไม่ต้องจ่ายเงินเมื่อมีผู้คลิกเข้ามาในเว็บไซต์ของเรา สิ่งที่เราต้องการคือการเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ของเราโดยตรงโดยไม่ผ่าน Google Ads
Search Engine Optimization (SEO) มีประโยชน์มากมายและสามารถเขียนใหม่ในรูปแบบที่สร้างสรรค์และฉลาดได้ดังนี้:
ข้อดีข้อที่ 1: สร้าง Traffic = สร้างการรับรู้
Traffic หมายถึงจำนวนคนที่คลิกลิงค์เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ธุรกิจของเรา โดยการทำ SEO ที่ดีจะช่วยสร้าง Traffic ให้เว็บไซต์ของเรามีผู้เข้าชมจำนวนมากในแต่ละเดือน ซึ่งจะเป็นการสร้างการรับรู้แบรนด์ของเราในวงกว้าง ในแต่ละเดือน จะมีผู้รู้จักแบรนด์หรือบริษัทของเราเพิ่มขึ้น โดยเว็บไซต์ของเราจะได้รับคะแนนความน่าเชื่อถือจาก Google ซึ่งจะส่งผลให้เว็บไซต์ของเราได้รับการจัดอันดับในผลการค้นหาในคำค้นที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของเรา ทำให้เว็บไซต์ของเราได้รับการจัดอันดับที่ดีขึ้น และสามารถไต่อันดับ Google Ranking ได้ขึ้นหน้าแรกหรือติดอันดับ 5 อันดับแรกของ Google ซึ่งเป็นผลลัพธ์ที่ดีอย่างมาก
ข้อดีข้อที่ 2: เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่แท้จริง = สร้างฐานลูกค้า
การทำการตลาดด้วยกลยุทธ์ SEO จะช่วยให้เราสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่แท้จริงของธุรกิจเราได้โดยตรง ซึ่งจะต่างจากการตลาดด้วยกลยุทธ์ Facebook ที่เราต้องเลือกกลุ่มเป้าหมายตามข้อมูลประชากร ความสนใจ หรือพฤติกรรม และอาจมีการกรองคนที่ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายออกไป อุปสรรคในการปิดการขายก็คือ คนที่มีความสนใจหรือมีพฤติกรรมที่ “น่าจะ” เป็นลูกค้าของเราตามที่ Facebook เก็บข้อมูลและนำส่งโฆษณาของเราไปให้ แต่อาจจะยังไม่ใช่คนที่พร้อมหรืออยากจะซื้อสินค้าของเราในตอนนี้
แต่สำหรับการตลาดแบบ SEM จะแตกต่างออกไปเลย ซึ่งมีประสิทธิภาพมาก หากเราสามารถเลือกใช้คีย์เวิร์ดของธุรกิจเราได้อย่างถูกต้องในการปรับแต่งเว็บไซต์ การเขียนบท
ข้อที่ 3: โอกาสที่จะเพิ่มยอดขาย
เพิ่มและเขียนข้อความใหม่ในลักษณะที่สร้างสรรค์และฉลาด:
ในข้อที่ 2 เราได้พูดถึงการคัดคนที่เป็นกลุ่มเป้าหมายที่แท้จริง ซึ่งเป็นคนที่กำลังมองหาสินค้าและบริการของเรา และในขณะนี้เรามีโอกาสที่จะปิดการขายอย่างสูง ซึ่งเท่ากับการสร้างยอดขายให้กับธุรกิจของเราอย่างมีประสิทธิภาพและฉลาดมากขึ้นค่ะ
โดยการนำเสนอสินค้าและบริการของเราให้ถูกต้องตามเวลาและกลุ่มเป้าหมายที่เราเลือก จะช่วยเพิ่มโอกาสในการปิดการขายอย่างมากขึ้นอยู่แล้วนะคะ ซึ่งหมายความว่ากลยุทธ์นี้สามารถช่วยในการสร้างยอดขายได้อย่างดีเยี่ยมค่ะ
อย่างไรก็ตาม การพัฒนาเว็บไซต์ให้เป็น SEO (Search Engine Optimization) จะมีประโยชน์และผลดีต่อธุรกิจในหลายๆ ด้านค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจที่ลูกค้ามักใช้การค้นหาผ่าน Google เพื่อหาสินค้าและบริการของเรา ดังนั้น เราควรที่จะใช้เทคนิค SEO ในการปรับปรุงเว็บไซต์ของเราให้เหมาะสมและติดอันดับสูงในการค้นหา
อย่างไรก็ตาม การใช้เสียงพูดในลักษณะที่เป็นกันเองและเป็นกลางคือสิ่งที่เหมาะสมในกรณีนี้ค่ะ ซึ่งจะสร้างความใกล้ชิดและเข้าใจง่ายต่อผู้อ่าน
ในสรุป โอกาสที่จะเพิ่มยอดขายของธุรกิจของเราอยู่ในการนำเสนอสินค้าและบริการให้ถูกต้องตามเวลาและกลุ่มเป้าหมายที่เราเลือก และการใช้เทคนิค SEO เพื่อปรับปรุงเว็บไซต์ให้เหมาะสมและติดอันดับสูงในการค้นหา ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจของเราเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพและฉลาดมากขึ้น